พระอรหันต์เหล่านั้น ชื่อว่าเป็นสุขแท้ทีเดียว เพราะไม่มีทุกข์ที่มีตัณหา เป็นมูลแม้นี้ ด้วยประการฉะนี้. บทว่า อสฺมิมาโน สมุจฺฉินฺโน ความว่า อัสมิมานะ (ความ- สำคัญว่า เรามีอยู่) ๙ อย่าง (พระอรหันต์) ตัดได้ขาดแล้ว ด้วยอรหัตตมรรค. บทว่า โมหชาลํ ปทาลิตํ ความว่า ข่ายคือกิเลส (พระอรหันต์) ทำลายแล้วด้วยญาณ. บทว่า อเนชํ ได้แก่ พระอรหัตต์เป็นเครื่องละตัณหา กล่าวคือ เอชา. (ปาฐะว่า อเนชาสงฺขาตาย แต่ฉบับพม่าเป็น เอชาสงฺขาตาย แปลตามฉบับพม่า) บทว่า อนุปลิตฺตา ได้แก่ (พระอรหันต์) ไม่ถูกฉาบไล้ ด้วย เครื่องฉาบไล้ คือ ตัณหาและทิฏฐิ. บทว่า พฺรหฺมภูตา แปลว่า ประเสริฐ ที่สุด. บทว่า ปริญฺญาย ได้แก่ กำหนดรู้แล้วด้วยปริญญา ๓. ในบทว่า สตฺตสทฺธมฺมโคจรา มีวิเคราะห์ว่า สัทธรรม ๗ ประการเหล่านี้ คือ ศรัทธา ๑ หิริ ๑ โอตตัปปะ ๑ พาหุสัจจะ ๑ ความเป็นผู้ปรารภ ความเพียร ๑ ความเป็นผู้มีสติตั้งมั่น ๑ ปัญญา ๑ เป็นอารมณ์ของ พระอรหันต์เหล่านั้น เหตุนั้นพระอรหันต์เหล่านั้นจึงชื่อว่า มีสัทธรรม ๗ เป็นอารมณ์. บทว่า สตฺตรตนสมฺปนฺนา ได้แก่ ประกอบด้วยรัตนะคือ โพชฌงค์ ๗ ประการ. บทว่า อนุวิจรนฺติ ความว่า แม้เหล่าโลกิยมหาชนก็เที่ยว ถามอยู่ร่ำไป.
จาก วิกิซอร์ซ ไปยังการนำทาง ไปยังการค้นหา อรรถกถารถสูตรที่ ๖ พึงทราบวินิจฉัยในรถสูตรที่ ๖ ดังต่อไปนี้. บทว่า ภตฺตภิหาโร ได้แก่ภัตรที่เขาพึงนำมา. ก็เพื่อแสดงประ- มาณภัตรนั้น ท่านจึงกล่าวว่า ปญฺจ จ ถาลิปากสตานิ. ในภัตรเหล่านั้น ภัตรถาดหนึ่งบุรุษกินได้ ๑๐ คน. บทว่า นาสาย ปิตฺตํ ภินฺเทยฺยํ ความว่า เขาใส่ดีหมีหรือดีปลาในรูจมูก. จบอรรถกถารถสูตรที่ ๖ ดูเพิ่ม [ แก้ไข] รถสูตร