2. Participial Phrase (วลี Participle) ได้แก่ Phrase ที่นำหน้ากลุ่มคำด้วย Participle แบ่งออกไปอีกได้ 3 รูปคือ 1. Present Participial Phrase ได้แก่ phrase ที่ขึ้นต้นด้วยรูปกริยาเติม ing แล้วไปทำหน้าที่ขยายนามหรือสรรพนาม เช่น The gentleman crossing the street is an old friend of my father's. สุภาพบุรุษที่กำลังข้ามถนนอยู่นั้นคือเพื่อนเก่าของพ่อของผม (crossing the street เป็นวลี participle ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยาย gentleman) Bill and Mary, hoping to pass this course, are working very hard. หรือ = Hoping to pass this course, Bill and Mary are working very hard. บิลและแมรี่ซึ่งหวังว่าจะผ่านคอร์สนี้ จึงเรียนอย่างขมักเขม้นมาก =เนื่องจากมีความหวังจะผ่านคอร์สนี้ บิลและแมรี่จึงเรียนอย่างขมักเขม้นมาก (hoping to pass this course เป็นวลี participle มาทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยาย Bill และ Mary) In the former time all passengers going to Udorn had to Change trains at Korat. ในสมัยก่อนผู้โดยสารทุกคนที่จะไปอุดรต้องเปลี่ยนรถไฟที่โคราช (going to Udorn เป็นวลี Participle ทำหน้าที่อย่างคุณศัพท์มาขยายนาม Passengers ที่อยู่ข้างหน้า) เป็นต้น 2.
กริยาช่อง 2 passed off กริยาช่อง 3 passed off แปลว่า ผ่านไป
(ไม่…. หรือ/ก็) เช่น You can either sleep or eat. คุณ ไม่ นอนหลับ ก็ กิน (ประมาณว่าเลือกได้ว่าจะนอนหรือจะกิน อะไรจะสบายขนาดนั้นว่าไหมครับ) as…. (เป็นการใช้เชื่อมประโยคที่แสดงอะไรที่เท่ากัน) เช่น She runs as fast as I do. เธอวิ่งเร็วเท่าฉัน (นำคำที่เราต้องการเปรียบเทียบใส่ไปในระหว่าง as กับ as จากตัวอย่างใส่คำว่า fast เป็นการเปรียบเทียบความเร็ว) so as to (เพื่อที่จะ) เช่น I study hard so as to pass the exam. ฉันเรียนหนัก เพื่อที่จะ ได้สอบผ่าน (to ตามด้วยกริยาช่องที่ 1 ไม่เติม s) both … and (ทั้ง…และ) เช่น I enjoy both singing and dancing. ฉันมีความสุขกับการร้องเพลง และ การเต้น หากเพื่อนๆสามารถใช้คำเชื่อมได้ดีแล้วล่ะก็ จะส่งผลให้งานเขียนและการพูดภาษาอังกฤษของเราดูดีขึ้นทันตาเชียวล่ะ เพราะประโยคทุกอันจะสอดคล้อง และเป็นเหตุผลกันมากๆเลย source: dailyenglish ร่วมแสดงความคิดเห็นกันจ้า...